สถานที่ตั้ง
จังหวัด อุดรธานี อำเภอ อำเภอบ้านผือ ตำบล เมืองพาน 41160
ประเภทสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ
ธรณีสัณฐานและภูมิลักษณวรรณา
สถานภาพ
- แหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ (มติ ครม. วันที่ 7 พ.ย. 2532)
ความสำคัญ/ลักษณะของสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ
แหล่งท่องเที่ยวในอุทยานฯภูพระบาทกระจายออกเป็นพื้นที่กว้าง เป็นกลุ่มเพิงหินมีลักษณะรูปดอกเห็ดหรือรูปร่างอื่นๆ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเป็นสถานที่ให้มนุษย์ตั้งแต่ครั้งก่อนประวัติศาสตร์ได้เข้ามาอาศัยร่มเงาพร้อมกับถ่ายทอดอารมณ์ออกมาเป็นภาพเขียนฝาผนัง และให้มนุษย์สมัยประวัติศาสตร์ได้ดัดแปลงใช้เป็นศาสนสถาน โดยสกัดเอาเนื้อหินส่วนที่เป็นฐานของร่มเห็ดออกให้เป็นช่องโล่งกว้าง ทิ้งบางส่วนไว้ให้เป็นเสาค้ำยันส่วนหลังคา มีชื่อเรียกต่างๆ กันว่า หอนางอุสา กู่นางอุสา คอกม้าท้าวบารส ถ้ำพระ วัดพ่อตา วัดลูกเขย คอกม้าน้อย ฯลฯ มีการสลักหินเป็นภาพพระพุทธรูป สกัดพื้นพลาญหินให้เป็นร่องโดยรอบเพิงหินธรรมชาติเพื่อใช้เป็นที่ตั้งใบเสมาหิน และมีการขุดพื้นหินให้เป็นบ่อขนาดกว้าง 2 เมตร ยาว 2 เมตร ลึก 5 เมตร ขอบบ่อสูงจากลานหินประมาณ 1 เมตร เรียกว่า บ่อน้ำนางอุสา อย่างไรก็ตามมีบ่อน้ำรูปกลมอยู่หลายแห่งในบริเวณอุทยานฯภูพระบาทเป็นบ่อเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเรียกว่า กุมภลักษณ์ (Pot hole) โดยเกิดจากก้อนกรวด ก้อนหิน เม็ดทราย ที่กระแสน้ำในช่วงฤดูน้ำหลากพัดพามาตกหมุนวนอยู่ในแอ่งเล็กๆ บนพลาญหิน กัดให้แอ่งเป็นหลุมใหญ่ขึ้น กว้างขึ้น และลึกเว้าจนเป็นรูปก้นหม้อหรือรูปกระบอก กุมภลักษณ์ที่นี่ส่วนมากมีขนาดใหญ่ใช้เป็นที่ปลูกบัว และบางแห่งใช้เป็นบ่อเก็บน้ำของวัดไปก็มี (ที่มา : กรมทรัพยากรธรณี)
ตำนานความเชื่อ
ตำนานรักนางอุสา-พระบารส ตำนานเล่าว่ามีเจ้าเมืองพานมีธิดาชื่อ นางอุสา ได้ส่งไปเล่าเรียนวิชาความรู้กับฤๅษีในป่าและได้สร้างหอให้นางอุษาอยู่อย่างลำพังโดดเดี่ยวชาวบ้านเรียกว่า หอนางอุสา ต่อมานางจึงได้ร้อยมาลัยเป็นรูปหงส์ และสลักในกลีบดอกไม้และอธิษฐานว่าใครเป็นคู่ครองนางขอให้เก็บพวงมาลัยนี้ได้ ปรากฏว่า ท้าวบารส โอรสแห่งเมืองพระโค เก็บพวงมาลัยนี้ได้เกิดรักใคร่นางอุสาขึ้นทันใด ออกตามหานางอุษาไปจนถึงหอนางอุสา และผูกม้าไว้ที่เพิงหินที่ชาวบ้านเรียกกันว่า คอกม้าท้าวบารส ทั้งสองได้ครองรักกัน เมื่อพระยาพานทราบข่าวโกรธมาก จึงออกอุบายว่าให้สร้างวัดแข่งกันก่อนที่ดาวประกายพรึกจะขึ้น ท้าวบารสก็รับคำท้า และเร่งสร้างวัดแข่งกับพระยาพานแต่ด้วยกำลังคนจึงคิดว่าสร้างไม่ทันแน่นอนจึงออกอุบาย จุดเทียนบนยอดเขาเพื่อให้พระยาพานเข้าใจผิด สุดท้ายพระยาพานเป็นผู้แพ้จึงตัดเศียร แต่พระยาพานก็ฟื้นขึ้นมาอีก เกิดสู้รบกันพระยาพานถูกฆ่าสิ้นพระชนม์ นางอุสาเสียใจมากจากนั้นได้เดินทางกลับไปเมืองพระโคถูกมเหสีทั้ง 10 พระองค์กลั่นแกล้งออกอุบายให้ท้าวบารสออกไปสะเดาะเคราะห์ในป่า 1 ปี นางอุสารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจจึงได้หนีมาอยู่ที่หอในป่าและตรอมใจตาย ส่วนท้าวบารสทราบข่าวก็ออกตามมาที่หอและตรอมใจตามนางอุสาไป บริเวณโดยรอบยังปรากฏเพิงหินรูปร่างแปลกตาอีก เช่น หีบศพนางอุสา กี่นางอุสา
ลักษณะปัจจัยแวดล้อมทางธรณีวิทยา
ลานหินและเพิงหินในบริเวณภูพระบาทจัดอยู่ในหมวดหินภูพานของกลุ่มหินโคราช ยุคครีเทเซียส ประกอบด้วยหินทรายชั้นหนาและหินทรายปนกรวด ชั้นเฉียงระดับพบได้ทั่วไป ส่วนประติมากรรมทางธรณีวิทยาเกิดตากการกัดเซาะผุพังของชั้นหินทรายทีมีเนื้อหินแตกต่างกัน โดยหินส่วนที่มีความคงทนสูงจะยื่นออกมาเป็นเพิงหิน หรือเป็นชั้นหินทับอยู่ข้างบน ส่วนชั้นหินที่มีความคงทนน้อยว่าจะกร่อนหายไป หรือกัดเซาะผุพัง หรือเป็นส่วนคอดเว้าอยู่ใต้ชั้นหินแข็ง กลายเป็นเพิงหินหรือผาหิน
ลักษณะปัจจัยแวดล้อมทางกายภาพ
เนื่องจากอยู่ภายใต้การดูแลของอุทยานประวัติศาสตร์ทำให้มีสภาพภูมิทัศน์สวยงามตกแต่งกลมกลืนกับธรรมชาติ แบ่งจุดการเข้าถึงได้อย่างน่าสนใจ
ลักษณะปัจจัยแวดล้อมทางชีวภาพ
พืชพรรณ ป่าเต็งรัง
ประเภทการใช้ประโยชน์
การท่องเที่ยวและนันทนาการ
สุนทรียภาพและการพัฒนาทางกายภาพ
บริเวณส่วนบริการ ศูนย์บริการข้อมูลภูพระบาท มีการออกแบบอาคารภูมิทัศน์และป้ายสื่อความหมายให้เข้ากับบริบทโดยรอบได้ดี แต่การเลือกใช้พรรณไม้ยังไม่ดีเท่าที่ควร เพราะนำไม้ต่างถิ่นเข้ามาใช้ ในส่วนทางเดินได้มีการทำร่องน้ำด้านข้างเพื่อระบายน้ำและช่วยลดการพังทลายของหน้าดินได้